Review: THE HAUTE กาญจนา-สาทร ออกแบบโดย AAd Designer ระดับ Top ของประเทศ มีเพียง 10 หลังเท่านั้น! - thehaute.com

Review: THE HAUTE กาญจนา-สาทร ออกแบบโดย AAd Designer ระดับ Top ของประเทศ มีเพียง 10 หลังเท่านั้น!

Review: THE HAUTE กาญจนา-สาทร ออกแบบโดย AAd Designer ระดับ Top ของประเทศ มีเพียง 10 หลังเท่านั้น!

บทความรีวิวจาก All About Living


THE HAUTE กาญจนา-สาทร   Vertical Biz Villa 38-50 ล้านบาท*   ออกแบบโดย AAd Designer ระดับ Top ของประเทศ มีเพียง 10 หลังเท่านั้น! 

‘Sathorn’ Central Business District of ASEAN

มีการคาดการณ์ว่ากรุงเทพฯจะมีประชากรเพิ่มมากขึ้นถึง 18 ล้านคน ในช่วงปี 2030-2035 และจะกลายเป็น Mega City of ASEAN โดยในปัจจุบัน เริ่มมี Transaction การเข้ามาซื้ออสังหาฯในกรุงเทพฯจากประเทศ จีน-พม่า-ลาว เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ, กลุ่มทุนใหญ่กำลังเร่งพัฒนาย่าน ‘พระราม 4 – สีลม – สาทร’ ให้กลายเป็น Central Business District (CBD) of ASEAN, ประมาณปี 2023 (ปีหน้า) กรุงเทพฯจะเป็นเมืองที่มีระบบรางยาวรวม 560 กิโลเมตร ขึ้นสู่ระดับ Top 3 ของโลก รวมถึงการเป็น Logistic Hub ของ ASEAN ทั้งทางน้ำและทางราง และแผนการพัฒนาคุณภาพเมืองตามแผน กรุงเทพฯ 250 ที่ต้องพัฒนาเมืองให้รองรับการเป็น Mega City of ASEAN และ แผนกรุงเทพฯ 2030 เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต เช่น การเพิ่มพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพให้เป็น 10 ตารางเมตร/คน ตามที่ องค์การอนามัยโลกกำหนด ล่าสุด คุณจรีพร จารุกรสกุล ประธานบริหาร WHA ให้สัมภาษณ์ในรายการ Money Chat ว่าหากจะดูทิศทางเศรษฐกิจ ต้องดูจากธุรกิจอสังหาฯเพราะเป็น Sector ใหญ่ โดยเฉพาะธุรกิจ นิคมอุตสาหกรรมที่ถือเป็นต้นน้ำที่จะเห็นตัวเลขของนักลงทุนเข้ามาลงทุนก่อนเพื่อน โดยจะเห็นได้ว่าตอนนี้ไทยเรากำลังจะมีการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมอีกมาก และปีนี้ WHA อาจจะสามารถทำ New High ผลประกอบการสูงกว่าช่วง Pre-Covid อีกด้วย จึงน่าจะเป็นแนวโน้มที่ดีของเศรษฐกิจ ที่ก็จะส่งผลต่อราคาที่ดินที่จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นด้วยค่ะ

ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯจะพุ่งสูงขึ้นอีกมาก โดยจะมีย่าน ‘พระราม 4 – สีลม – สาทร’ เป็นใจกลาง Lifestyle ระดับ Premiere จาก Mega Project อย่าง ONE BANGKOK และ DUSIT CENTRAL PARK เป็นต้น

ทำเลที่อยู่อาศัยฝั่งกรุงเทพฯตะวันออก โดยเฉพาะย่านบางแค จะเป็นย่านที่พักอาศัยระดับ Luxury ที่มีสิ่งแวดล้อมดี เงียบสงบ และเดินทางเข้าสู่ย่าน CBD ‘พระราม 4 – สีลม – สาทร’ ได้สะดวก เพียง 15-30 นาทีในช่วง Off-peak และเมื่อตุลาคม 2564 ก็มีการรายงานว่า ที่ดินย่าน บางแค-พุทธมณฑล มีราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้น 33.4% YoY รวมถึงยังเหมาะกับเจ้าของกิจการที่ใกล้กับการกระจายสินค้า (Logistic) เพราะไม่ไกลจากสถานีขนส่งสินค้าทางตะวันออกของกรุงเทพฯด้วย

สำหรับใครที่จะซื้อ Home Office คงจะต้องคิดถึงเรื่องการเดินทางในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น การขับรถออกไปพบลูกค้า การเดินทางมาทำงานของพนักงาน ปริมาณที่จอดรถ และอาหารการกินโดยรอบโครงการสำหรับน้องๆพนักงาน ซึ่งโครงการ THE HAUTE กาญจนา-สาทร ถือว่าตอบโจทย์มากในทุกมิติค่ะ

อย่างในรูปข้างบน ถ้าจะต้องออกไปพบลูกค้าที่ Empire Tower เวลาบ่าย 3 โมงเย็น ก็ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีเพื่อเดินทางไปพบลูกค้าค่ะ

โครงการยังอยู่ห่างจาก MRT สายสีน้ำเงิน สถานีบางแคเพียง 2 กิโลเมตร ทำให้สะดวกในการ Recruit พนักงาน และการเดินทางมาทำงาน รวมถึงที่ดินใกล้สถานีรถไฟฟ้ายังมีอัตราการเพิ่มขึ้นของมูลค่าที่ดินในอนาคตด้วยค่ะ

โครงการยังอยู่ห่างจาก The Explace Mall เพียง 1 กิโลเมตร ไม่ไกลจาก The Mall บางแค และ Seacon บางแคด้วย

THE HAUTEKanchana-Sathorn l เดอะโฮทกาญจนา-สาทร

Developer : Poise Corporation Co., Ltd. โดย คุณพรชัย เตชะไกรศรี และ คุณชาญชัย สือวงศ์ประยูร

เป็น Developer ที่มีประสบการณ์มาทั้งสร้างและบริหาร Boutique Hotel ชื่อดังอย่าง CHANN BANGKOK-NOI HOTEL และโรงแรม E11 สุขุมวิท ร้านอาหารดังอย่าง IMM บางกอกน้อยที่ได้การันตีคุณภาพจาก Michelin Guide 2020-2022 และ Café ชื่อดังอย่าง ARCH Cafe รวมถึงประสบการณ์อสังหาริมทรัพย์แบบ Modular Home

THE HAUTEKanchana-Sathorn l เดอะโฮทกาญจนา-สาทร

เป็น Vertical Biz Villa 5 ชั้น มีเพียง 10 ยูนิตเท่านั้น

ราคา 38-50 ล้านบาท*

ขนาดที่ 60-86.7 ตารางวา

พื้นที่ใช้สอย 556 ตารางเมตร

จอดรถได้ 6 คัน (พร้อม EV Charger)

 

ใกล้ถนนใหญ่ กาญจนาภิเษก เพียง 700 เมตร

ใกล้ถนนใหญ่เพชรเกษม เพียง 2 กิโลเมตร

MRT สายสีน้ำเงิน สถานีบางแคเพียง 2 กิโลเมตร

คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จปี 2566

 

โครงการออกแบบให้มีความ Flexible สูงสามารถจัดได้เป็นทั้ง

Residential + Office Working Space

Floor 1-3 : สามารถทำเป็น Reception Area + 1 ห้องเอนกประสงค์ (รวมถึงยังมีพื้นที่สวนหลังบ้านกว้างมาก) + Working Space ที่ลองวางมาให้ดู 32 Seats แบบไม่อึดอัด + 1 Meeting Room/ CEO Office + 1 Pantry + 3 ห้องน้ำ

Floor 4-5 : Duplex Residential 2 ห้องนอน ที่มีครัวไทยแยก หรือจะเปลี่ยนเป็นพื้นที่เอนกประสงค์ก็ได้ + 3 ห้องน้ำ

Residential 

6 ห้องนอน / 8 ห้องน้ำ (2 Powder Room) / 3 ห้องนั่งเล่น / 3 ห้องครัว / 6 ที่จอดรถ

แต่จริงๆแล้ว Layout ข้างบนเป็นการลองออกแบบให้ลูกค้าเห็นภาพเท่านั้น เพราะจริงๆแล้วทาง Architecture : AAd ที่เป็นสถาปนิกอันดับ Top ของประเทศ เค้าได้ออกแบบให้โครงการมีความ Flexible สูงมาก อีกทั้งยัง ถูกหลักฮวงจุ้ยเบื้องต้น ประหยัดพลังงาน มีการ Flow ของอากาศที่ดี และมีพื้นที่สีเขียวแม้อยู่บนชั้น 4-5

ต้องขอชมเลยว่าทาง AAd ออกแบบไว้ดีมากๆค่ะ โดยมีโจทย์ที่จะต้องออกแบบเพื่อตอบโจทย์การใช้งาน 3 รูปแบบ คือ เป็นบ้านทั้งหลัง / เป็น Office ทั้งหมด / Hybrid (Home Office) เค้าเลยออกแบบโดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน คือด้านหน้าทั้งหมดให้เป็น main area (สีเหลือง) ที่จะได้รับประโยชน์จากการออกแบบ Façade ทั้งจากอาคารของตัวเองและอาคารรอบๆด้าน และส่วน Back of the House ด้านหลังที่จะเน้นเรื่องการใช้งานหรืองานระบบ อย่างเช่น ห้องน้ำ ครัว หรือ บันไดหนีไฟ โดยจะมีส่วนของการเดินทางแบบ Vertical คือลิฟต์และบันไดเป็นตัวกั้น อีกทั้งยังมีการวางงานระบบน้ำทั้งส่วน Main Area ด้านหน้า และ Back of the House ตั้งแต่ชั้น 1-4 ด้วย เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อความ Flexible ต่อการใช้งาน รวมถึงงานระบบอย่าง CDU หรือ Air Compressor จะอยู่หลังบ้านทั้งหมดที่สามารถ Service ได้จากทางบันไดหนีไฟ โดยไม่ต้องเข้ามาในบ้านเลย หรือถ้าจะใช้อาคารทั้งหลังเป็น Luxury Residential ก็สามารถแยกโซนหลังบ้านให้เป็น Zone ทำงานของ Maid โดยสามารถแยกทางสัญจรไปใช้ทางหนีไฟได้ค่ะ

ทาง AAd ยังออกแบบแก้ Pain Point ของ Lifestyle แบบ Vertical Living อย่างเรื่องพื้นที่สีเขียว และ ความร้อน ด้วยการเพิ่ม Pocket Garden บนชั้น 2 และ 4 ทำให้เกิดช่องแสง การ Flow ของอากาศ และวิวจาก Pocket Garden และยังช่วยบังสายตาจากภายนอกอีกด้วย

ตัวระแนงอันเป็นเอกลักษณ์ของ AAd ยังถูกออกแบบจากการวิจัยมาแล้วเป็นอย่างดี เพื่อให้ได้ความถี่และขนาดที่เหมาะสม สามารถบังสายตาจากคนภายนอกได้ แต่คนในอาคารมองออกไปแล้วยังเห็นวิว ไม่อึดอัด อีกยังช่วยบังแดดและฝนที่เหมาะกับสภาพอากาศของบ้านเราได้เป็นอย่างดี

ทาง AAd ยังออกแบบให้เราสามารถเห็นวิวพื้นที่สีเขียวของอาคารตรงข้ามและรอบๆได้ แต่ยังคงความ Private ของฝั่งตนเอง อย่างชั้น 2-3 ที่เมื่อมองผ่าน Façade แนวตั้งไปแล้วเห็นเป็นกำแพงลายหินอ่อนสีดำและต้นไม้ของบ้านตรงข้าม และชั้น 4-5 ที่จะมองเห็น Pocket Garden ของบ้านตรงข้าม และมีกริวปิดบังไม่ให้บ้านตรงข้ามมองเข้ามาเห็นด้านใน

และยังมีลูกเล่นในตอนค่ำ ที่เมื่อเปิดไฟ ตัวอาคารจะดูเหมือน Lantern ขนาดใหญ่ ที่สวยเด่นเป็นสง่ามากๆ

เวลาปิดระแนง Façade บังสายตาแล้วจะไม่สามารถมองเห็นเข้าไปข้างในบ้านได้เลย แต่คนที่อยู่ภายในบ้านจะยังสามารถมองเห็นวิวและได้แสงธรรมชาติอย่างพอเพียง ไม่มืดเกินไป และไม่ร้อนเกินไปค่ะ

รูปนี้จะเห็นเลยว่าเมื่อมองผ่านระแนง Façade จากภายในบ้านจะยังสามารถมองเห็นวิวนอกบ้านได้ค่ะ รวมถึงยังมีแสงธรรมชาติส่องเข้ามาถึงและช่วยบังแดดให้ด้วย

สามารถจอดรถ 6 คันได้สบายๆค่ะ สามารถจอดรถตู้คันใหญ่ และรถ Sport ได้ รวมถึงยังมีที่จอดรถด้านข้างบ้าน และรั้วที่โครงการให้มาก็เป็นรั้วไฟฟ้าด้วยค่ะ

โครงการจะมี EV Charger ติดตั้งมาให้ด้วยค่ะ

1st Floor

เพดานของทุกชั้นจะอยู่ที่ 2.7 เมตรนะคะ ซึ่งสามารถเปิดเป็น Style Loft ได้เพดานสูงถึง 3 เมตร ชั้น 1 จะได้พื้นที่ 2 Zones ค่ะ คือ Foyer ด้านหน้า ที่สามารถทำเป็นห้องรับรองแขกหรือ Reception Area ได้ และยังมีห้องเอนกประสงค์หลังบ้านและสวนขนาดใหญ่ด้วย

โครงการออกแบบโดยใส่ใจเรื่องของฮวงจุ้ยเบื้องต้นมาให้ด้วย เช่นประตูหน้าบ้านที่เปิดมาแล้วไม่ชนกับประตูหลังบ้าน โดยมีส่วนของบันไดและ Lift กั้นไว้ค่ะ

โครงการมี Lift ติดตั้งมาให้กับตัวบ้านเลยค่ะ โดยจะสามารถเลือก Lock ชั้นได้ เช่นถ้าทำเป็น Home Office Lift ชั้น 1-3 ไม่จำเป็นต้อง Lock แต่ชั้น 4-5 ที่เป็น Residential ที่สามารถ Lock ได้ ต้องมี Keycard เท่านั้นถึงจะขึ้นไปได้ค่ะ

2nd – 3rd Floor

ชั้น 2-3 จะมี Layout เหมือนกันค่ะ จะเป็น Open Space ขนาดใหญ่ด้านหน้าของอาคาร ซึ่งจะมีการเดินงานระบบไว้ด้วย สามารถทำห้องครัว หรือ Pantry ได้ และจะมีห้องเอนกประสงค์ด้านหลัง ที่ก็มีการเดินงานระบบเช่นกัน หรือถ้าต้องการออกแบบให้เป็น Luxury Residential เช่นเมื่อลูกโต อาจต้องการพื้นที่ส่วนตัว สามารถเปลี่ยนชั้น 2-3 เป็นเหมือน Condo 1 ห้อง/ชั้น ได้ด้วย จะต่างกันที่ชั้น 2 จะมีระเบียง Pocket Garden มาด้วย

4th Floor

บันไดที่จะเดินขึ้นชั้น 4 จะมีการทำประตูกั้นพื้นที่ ที่มาพร้อม Digital Door Lock มาให้ และบันไดของที่นี่ก็มีลูกนอนที่กว้างมาก เหยียบได้เต็มเท้า ซึ่งนอกจะดีในเรื่องของความปลอดภัยแล้ว ยังถูกฮวงจุ้ยด้วยค่ะ เค้าเรียกว่าบันไดเศรษฐี มีเงินทองเหลือกินเหลือใช้ค่ะ

Layout ของชั้นนี้จะแบ่งออกเป็น Zone ด้านหน้า ที่เป็น Living Area ขนาดใหญ่ ที่ได้หน้าต่าง 3 ด้าน และ Pocket Garden 2 จุด รวมถึงยังได้วิว Pocket Garden ของบ้านตรงข้ามได้ด้วย และยังมีห้องน้ำ และห้องเอนกประสงค์ด้านหลังอีก 1 ห้องที่สามารถใช้ทำเป็นครัวไทยได้ค่ะ

5th Floor

บนชั้น 5 จะถูกออกแบบให้เป็น Residential Area ค่ะ โดยจะมีห้องน้ำให้ 2 จุด โดยออกแบบให้ด้านหน้าเป็นห้อง Master Bedroom และห้องอเนกประสงค์ด้านหลังอีกห้อง ที่สามารถใช้เป็นห้องนอนหรือห้องทำงานได้

 

 

บทความรีวิวจาก All About Living


คลิกลงทะเบียนเพื่อนัดเข้าชมโครงการ